Ads 468x60px

Featured Posts

-

Subscribe

Pages

Flickr Images

Like us on Facebook

บันทึกการเดินทาง: น้ำหนาว..ยังหนาว-ทับเบิก..หัวเถิก (คราวหน้าร้อน)

กล้อง: Canon 550D      
ตากล้อง: นายกระรอกน้อย,นุชน้อย
การปรับแต่งภาพ: ไม่มีการปรับแต่ง

   
ทริปนี้เป็นทริปแรกของเราที่ได้ลง blog นะคะ เนื้อหาอาจจะเยอะกว่ารูปไปหน่อย อารมณ์ประมาณเขียนไว้อ่านเอง แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายรูปมาลง blog เลยสักนิ๊ด..เที่ยวอย่างเดียว รูปส่วนใหญ่เลยมีแต่รูปถ่ายชาวแก๊ง ซึ่งคงเอามาลงไม่ได้ นักเขียนมือใหม่ด้วยค่ะ จะพยายามพัฒนาไปเรื่อย ๆ นะคะ  ก็ถ้าพร้อมแล้วก็เข้าเรื่องกันเลย...

เนื่องจากว่า วันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา มีสมาชิกในหน่วยงานเป็นผู้โชคดี (กว่าคนที่เหลืออยู่หลายคน) ได้เดินเข้าสู่ประตูวิวาห์ ชาวเราผู้ร่วมหน่วยงานก็ต้องไปแสดงความยินดีกันหน่อย บ้านเจ้าสาวนั้นอยู่ไกลถึงเพชรบูรณ์ เมืองมะขามหวาน แดนดินที่เต็มไปด้วยภูเขา ดังนั้น เพื่อไม่เป็นการเสียโอกาสสมาชิกชาวเฮฮาทัวร์ จึงตกลงไปทัวร์น้ำหนาวกันต่อหลังเสร็จงานแต่งค่ะ เราออกเดินทางจากศาลายากัน ตั้งแต่ 3 ทุ่มค่ะ พาหนะทริปนี้ มี Fortuner Civic และ Nissun อย่างละคัน คันหลังนี่ติดแก๊สด้วยนะคะ เราไปถึงบ้านเจ้าสาวที่ อ. เพชรบูรณ์ กันตอนตีสามค่ะ (ขับยังไงเนี่ย 3 ทุ่มถึงตี 3) พอฟ้าสางก็ต้องอาบน้ำแต่งตัวไปงานแต่งกันแล้วค่ะ ได้หลับคนละงีบ

หลังจากงานแต่งเสร็จประมาณ 11.00 น. เราก็เดินทางไปน้ำหนาวกัน ตอนนี้สมาชิกทริปกระดี๊กระด๊ากันมากมาย (สรุปว่าประเด็นหลักจะมางานแต่งหรือมาเที่ยวกันเนี่ย)
หลังจากขับรถออกจากตัวเมืองเพชรบูรณ์ได้พักใหญ่ก็เลี้ยวขวาแถว อ.หล่มสัก เข้าถนนหมายเลข 12 ขับตามถนนที่ร่มรื่นไปเรื่อย ๆ สองข้างทางจะมีการทำสวนผักต่าง ๆ ของชาวบ้าน ที่เห็นปลูกกันเยอะก็จะเป็นกะหล่ำปลีนี่ล่ะค่ะ เส้นทางไปน้ำหนาวสำหรับคนไม่เคยขับขึ้นเขาก็อาจมีหวั่น ๆ นิด ๆ ค่ะ ก็ต้องจำกัดความเร็วพาหนะของเรานิดนึงนะคะ เพื่อความปลอดภัย เพราะเป็นถนนคดเคี้ยวขึ้นเขา แล้วก็ให้ระวังหินหล่นตามข้างทางด้วยค่ะ ช่วงหน้าแล้งอย่างนี้ต้นไม้ก็มีเปลี่ยนสีกันบ้าง คิดว่าเราอยู่ในฤดูใบไม้ร่วงแล้วกันเนอะ

namnao2

ช่วงที่กำลังขึ้นเขา เราจะผ่านที่นี้ด้วยค่ะ สะพานพ่อขุนผาเมือง จอดลงไปเก็บภาพกันหน่อย สะพานนี้เป็นสะพานที่มีตอม่อสูงที่สุดในประเทศไทยเชียวนะ มองตามลงไปแล้วก็..เอ่อ..สูงจริงอะไรจริง น่ากระโดดบันจี้จัมพ์ค่ะ ถ้าไม่กลัวจะฟาดกะตอม่อสะพานซะก่อนนะคะ ^_^

namnao1

ขับผ่านเส้นทางคดเคี้ยวฉบับน้ำหนาว แวะชมนกชมไม้กินกาแฟตามร้านน่ารัก ๆ ริมถนน ยังไม่เหนื่อยก็ถึงแล้วค่ะที่พักน้ำหนาวของเรา  อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวนี่เอง ซึ่งชาวแก๊งเราได้ทำการจองที่พักมาล่วงหน้าแล้ว ก็ส่งหน่วยกล้าตายไปขอเข้าพื้นที่ค่ะ ค่าเข้าชมอุทยานคนละ 40 บาท ค่านำพาหนะเข้าคิดต่างหาก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะคันละ 30 บาทค่ะ

namnao3

อุทยานนำสัตว์เลี้ยงและโฟมเข้าพื้นที่นะคะ แต่ถ้าเป็นพวกวัสดุชานอ้อยนี่ เราไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ถึงแม้จะไม่ใช่โฟมเราก็ต้องเก็บทิ้งให้เป็นที่เป็นทางอยู่ดีค่ะ

namnao4

สำหรับที่พักคืนนี้ ที่ทางทีมงานจองไว้ เป็นบ้านพักแถวโซนทำกิจกรรมของเยาวชนค่ะ มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พักได้ 12 คน ทริปนี้เรามากัน 10 คนค่ะ ค่าห้องพัก 3500 บ./คืน หารกันแล้วตกคนละไม่กี่ร้อยเอง ย่อมเยามาก ๆ ค่ะ พอถึงที่พักทุกคนก็ร่วมลงไม้ลงมือ (ไม่ได้จะไปซ้อมใครนะคะ) ทำอาหารมื้อเย็นช่วยกันค่ะ เรามีอาหารทะเลแบกมาจากมหาชัยเพื่อทำปิ้งย่างในมื้อนี้โดยเฉพาะเลยค่ะ

namnao6

ห้องนอนของเราค่ะ นอนได้ห้องละ 4 คน มีตู้เสื้อผ้า และมีผ้าเช็ดตัวให้ด้วยเรียบร้อยค่ะ สะดวกสบายดีทีเดียวละคะ

namnao5

ตอนกลางคืนของวันนี้ เราได้เจอเหตุการณ์ลุ้นระทึกกันด้วย เป็นการต่อสู้กับเทคโนโลยีเครื่องทำน้ำร้อนของอุทยานที่ใช้ระบบต้มน้ำด้วยแก๊สค่ะ  ซึ่งเราเองก็ไม่เคยใช้บริการที่พักอุทยาน นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นแบบนี้ค่ะ ไม่ได้อันตรายอะไรหรอกนะคะ แต่ก็พากันกลัวตามประสา มีถ่ายคลิปไว้ด้วยค่ะ ^_^  กินอิ่มก็หลับสบายกันค่ะ

พอตื่นเช้า เราก็หาที่เที่ยวกันต่อ ระหว่างทับเบิกกับเขาค้อ ทีมงานตกลงไปทับเบิกกันค่ะ ทางขึ้นน้ำหนาวที่ว่าคดเคี้ยว เด็ก ๆ ไปเลยค่ะ เพราะทางขึ้นทับเบิกนั้น ทั้งชันทั้งเลี้ยวแบบหักศอก จนเราเองยังไม่กล้าหยิบกล้องออกมาถ่ายรูปเลยค่ะ ต้องช่วยพลขับดูถนน ดูรถที่จะสวนลงมาตลอด สนุกดีค่ะ ฮา ๆ จอดชมวิวกันริมถนนตามจุดที่จอดได้เป็นระยะค่ะ พอขึ้นมาได้ เลยส่องกล้องลงไปหน่อย อู้ยย…เห็นไกล ๆ ยังโค้งขนาดนี้เลย

namnao016

จากจุดชมวิวมองเห็นหมู่บ้านชาวเขาที่เราผ่านมาด้วยค่ะ

namnao015

จุดกลางเต็นท์บริเวณจุดชมวิวภูทับเบิก  ซึ่งเป็นบริการของกลุ่มชาวบ้านที่นี่ค่ะ ภาพนี้จะเห็นว่าเต็นท์ริมซ้ายมือเรา ยังมีคนไปพักอยู่เลยนะคะ ถึงแม้ที่เราไปจะเป็นเดือนมีนา หน้าร้อนแล้วก็ตามค่ะ

namnao7

จุดชมวิวที่สูงที่สุดบนภูทับเบิกค่ะ เรามาถึงที่นี่กันตอนเที่ยงวัน แต่อากาศยังเย็นสบายอยู่เลยนะคะ แล้วก็ยังมีปุยเมฆลอยผ่านเราอยู่บ้าง ให้ได้วิ่งไล่จับกันตื่นเต้นสนุกสนาน


namnao8

ลานกางเต็นท์ มองจากจุดชมวิวค่ะ บนจุดชมวิวนี้เราสามารถชมวิวของภูทับเบิกได้สุดสายตาเลยละคะ

namnao9

เขาลูกใกล้ ๆ น่าจะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าค่ะ ยังอุดมสมบูรณ์เขียวขจีอยู่เลย คราวนี้เราไม่ได้แวะไปร่องกล้าทั้งที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึง 20 กิโลค่ะ เนื่องจากเวลาจำกัด (ต้องใช้เวลานับโค้งลงเขาอีกนิ)


namnao010
ภูทับเบิก หน้าร้อนเวลาไม่มีกะหล่ำปลี เหมือนคนหัวเถิกเลยค่ะ (หัวเถิกภาษาอีสานหมายถึงหัวล้านค่ะ) มองไปทางไหนก็มีแต่ดินสีแดง ๆ เต็มไปหมด เราสังเกตุพบว่าชาวบ้านกำลังต่อเติมที่พักบังกะโลเพิ่มหลายแห่งค่ะ

namnao011

ภูทับเบิกหัวเถิกอีกภาพค่ะ ^.^

namnao012

แต่บางแปลงชาวบ้านก็ยังปล่อยต้นกะหล่ำปลีที่เก็บเกี่ยวแล้วไว้นะคะ เพื่อที่จะเก็บกะหล่ำปลีต้นเล็ก ๆ ที่เกิดจากตอของต้นเก่า มาขายให้เราเป็นแขนงกะหล่ำ ที่เราชอบกินแขนงหมูกรอบนั่นแหละค่ะ บริเวณแปลงกะหล่ำเหล่านี้จะมีผีเสื้อบินว่อนเต็มไปหมดเลยค่ะ ก็คงโตมาจากหนอนต้นกะหล่ำปลีนั่นกระมังคะ

namnao013

เราปิดท้ายทริปภูทับเบิก ด้วยอาหารมื้อเที่ยงที่ร้านโรงเตี๊ยมค่ะ
ภาพไม่ชัดเลย สงสัยหิวจนมือไม้สั่น ฮา..

namnao014

ที่นี่เขามีอาหารแนะนำเป็นขาหมูหมั่นโถ แต่ตอนเราไปอดชิมนะคะ เนื่องจากไม่ใช่ช่วง high season เขาเลยไม่มีขายเนาะ ไม่ว่ากันค่ะ เรามาผิดเวลาเอง (รึเปล่า) เราก็เลยสั่งเมนูธรรมดาไปอย่าง ผัดเห็ดหอมน้ำมันหอย ต้มยำ กะหล่ำผัดน้ำปลา ประมาณนี้ค่ะ รสชาดก็โอเคค่ะ แต่ราคาก็..อืม..ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ก็คิดซะว่าเขาขนมาลำบากแล้วกันเนอะ จบทริปกันจริง ๆ ด้วยการแวะซื้อไก่ย่างวิเชียรบุรีมาฝากญาติ ๆ ค่ะ มาถึงที่จะพลาดได้ไงเนาะ เรื่องค่าใช้จ่ายที่จริงตั้งใจทำให้มีในทุกทริป แต่ทริปนี้ทริปแรกจะยังไม่มีสรุปให้แล้วกันเนาะ เนื่องจากจดมาไม่ละเอียดเลยสรุปยอดไม่ได้ แล้วเจอกันทริปหน้านะคะ บ๊าย.บาย


Share this:

แสดงความคิดเห็น

 
Copyright © Noot Chulalak. Blog Templates Designed by OddThemes - Bloggertemplates4u